ถ้า ถามถึงกองหน้าระดับโลกในปัจจุบันที่ยังเล่นอยู่คงต้องนึกถึงชื่ออย่าง เธียร์รี่ อองรี, รุด ฟานนิสเตอรอยด์, เฟอร์นานโด ตอเรส, ดาวิด บีญ่า, ชลาตัน อิบราโมวิช เป็นต้น แต่ ณ เวลานี้คงไม่มีใครที่ไม่สามารถกาชื่อของ “ซามูเอล เอโต้” ของทีมบาร์เซโลน่าทิ้งจากลิสต์ได้เลย เพราะเขาไม่ธรรมดาด้วยมีสถิติยิงประตูต่อเกมส์ในลีกถล่มทลายที่ดีที่สุดใน โลกตลอด 5 ปีผ่านมา และเฉพาะปีนี้ยิงไป 13 ลูกใน 10 แมตช์ แถมเป็นแฮตทริคที่สองในฤดูกาลนี้เสียด้วย โดยเฉพาะนัดที่แล้วตะบันไป 4 ลูกเพรียวๆไม่มีลูกโทษ [อะไรมันจะโหดกริบปานนั้น]
ซามูเอล เอโต้เดิมเป็นเด็กปั้นของทีมเรอัล มาดริด คู่แค้นของทีมบาร์เซโลน่าสังกัดปัจจุบัน แม้ว่าจะอยู่ในทีมระดับโลกอย่างเรอัลมาดริด แต่เอโต้กลับระหกระเหินอยู่ในทีมสำรองชุดBบ้าง โดนปล่อยเกาะให้เขายืมไปทั่วตลอด แทบไม่เคยสัมผัสผิวหญ้าของสนามเบอร์นาบิวเสียเลย ในที่สุดก็เป็นบาร์เซโลน่าทีมคู่อริตลอดกาลคว้าตัวมาด้วยมูลค่า 24 ล้านยูโรพร้อมคำแถลงการณ์ของประธานมาดริดสมัยนั้นว่า มาดริดมียอดกองหน้าอย่างโรนัลโด้และราอูลอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับเอโต้จึงไม่มีคุณค่ากับเรอัลมาดริดเลย เป็นเหตุให้เอโต้จงเกลียดจงชังเรอัลมาดริดมาโดยตลอด
แต่แล้วแฟนของ เรอัลมาดริดก็คงทำตาปริบ ๆ เมื่อซามูเอล เอโต้ระเบิดฟอร์มยิงให้บาร์ซ่าเป็นแชมป์ทันทีในปีนั้นด้วยจำนวน 24 ประตูในลีก เกือบจะคว้ารองเท้าทองคำอยู่แล้วเป็นรองแค่ฟอร์ลันที่บาร์ซ่าดันแจก 3 ลูกให้ทีมบียารีลล์ในโค้งสุดท้ายเสียงั้นไป แต่ปีต่อมาก็ไม่ทำให้ผิดหวังยังคงยิงไป 26 ลูกในลีกคว้าปีปีซี่รางวัลดาวยิงสูงสุดของลาลิก้า แต่ 2 ปีให้หลังมีอาการบาดเจ็บพักไปครึ่งฤดูกาลทำให้ลงเล่นน้อย แต่อย่างไรก็ดีเมื่อรวมจำนวนการเล่นในลีกและการทำประตูตลอด 5 ปีนี้กับบาร์เซโลน่า ซามูเอล เอโต้ยิงประตู 90 ลูกในจำนวน 118 แมตช์ เป็นค่าเฉลี่ยสูงถึง 0.76 เท่ากับว่าทุก 3 เกมส์เขายิงได้ 2 ประตูนั่นเอง!! ดีกว่าเธียร์รี่ อองรีและรุดฟานนิสเตอรอยด์สุดยอดจอมถล่มประตูเสียอีก
แต่ปัญหาที่ทุกคนทั้งแฟนบาร์เซ โลน่าและแฟนทีมอื่น ๆ สงสัยกันว่า ในเมื่อฟอร์มยิงประตูดีทุก ๆ ปีแล้ว ทำไมซามูเอล เอโต้คนนี้ถึงโดนเทรนเนอร์ใหม่อย่าง โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า [เป๊ป] และบอร์ดชุดนี้ประกาศขายทิ้งได้ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา เชื่อไหมว่าแม้บาร์ซ่าตั้งค่าหัวไว้ที่ 35 ล้านยูโร แต่จริง ๆ แล้วหลายฝ่ายเชื่อกันว่าถ้าได้ 30 ล้านยูโรหรือเงินเพียง 20 ล้านปอนด์ บาร์ซ่าก็คงปล่อยได้ไม่ลังเลแล้ว และทีมที่สนใจอย่างลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คงไม่มีปัญหากับเงินแค่นี้ในการถอยกองหน้าสังหารประตูคมกริบคนนี้ หรือแม้กระทั่งอาเซนอลใจกล้าที่จะแลกกับอเดบาร์ยอร์ก็คงได้เอโต้ไปเสริมความ คมกองหน้าที่ฝืดสนิทตอนนี้ไม่ยากเลย กลับกลายเป็นว่าทุกทีมมองห่าง ๆ กันหมดและไม่มีทีมใดยื่นความจำนงค์จริงจังเลยแม้แต่ทีมเดียว กลับไปทุ่มเงินซื้อกองหน้าในลีกตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่วกันหมด
สาเหตุ นั้นเพราะว่า ซามูเอล เอโต้ เรียกค่าเหนื่อยที่สูงเอามาก ๆ แม้กระทั่งบาร์เซโลน่ายังตัดสินใจเลยว่าคงไม่ต่อสัญญาอีกเป็นแน่ เพราะพี่แกคงเรียกแพงขึ้นอีกโขเลย อีกทั้งเอโต้นั้นติดลิสต์เป็นกองหน้าเจ้าปัญหาคนหนึ่งเลยทีเดียว เอโต้นั้นมักเป็นที่รักของแฟน ๆ ชาวเบลลากราน่าเพราะคารม ฝีปากของเขาหวานกับแฟน ๆ เหลือเกิน แต่ความเป็นจริงแล้ว พฤติกรรมในสนามและนอกสนามของเอโต้ต่างกันมากทีเดียว ในสนามเขาทุ่มเทเต็มร้อย วิ่งไม่หยุดหย่อน ยิงประตูสลุต เวลาให้สัมภาษณ์ก็ทำให้แฟน ๆ เคลิ้มกันทุก ๆ คน แต่นอกสนามนั้น เอโต้ก็ไม่ด้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่างโรนัลดินโญ่ที่ติดเที่ยวและปาร์ตี้เลย เพราะคู่นี้ก็ชอบนัดไปเที่ยวกันหลายครั้งทีเดียวในสมัยแฟรงค์ ไรจ์การ์ดคุมทีมตอนปลาย สื่อและผู้คนก็เริ่มจับตามองว่า ทั้ง 2 คนนี้ไม่ทุ่มเทให้ทีมเสมือนช่วงบาร์ซ่าคว้าดับเบิ้ลแชมป์เสียแล้ว
หลัง คว้าแชมป์ทั้งลาลิก้าและ UCL มีนักเตะอยู่ 3 คนที่ดูแตกต่างไปจากเดิม คือไม่สนใจการเล่นกับทีมเหมือนเดิม โดดซ้อม อู้ และไร้ใจบ่อยครั้ง คือ เดโก้, โรนัลดินโญ่ และเอโต้ ซึ่งเสมือนว่าเขาทั้ง 3 คว้ารางวัลให้ทีม รางวัลส่วนตัวมาเกือบทั้งนั้นแล้ว และก็ถึงใกล้จุดสูงสุดของฝีมือและอาชีพ รายของโรนัลดินโญ่ก็มีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ มาตลอดเป็นนิจ แต่สำหรับเอโต้ทุกคนยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ย้อนกลับไปปี 2006 ในรอบแบ่งกลุ่ม UCL กับแวเดอร์ เบรเมน เอโต้ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดในอาชีพเขา ต้องผ่าตัดเข่าขวาและแพทย์ลงความเห็นให้พัก 3 เดือน แต่เอโต้พักลากยาวไปถึง 5 เดือน โดยช่วง 2 เดือนหลังเขาเดินร่อนสะดวกไปดูการแข่งขันของทีมบาร์ซ่าบ้าง ไปดูการแข่งรถ Motor GP บ้าง แต่กลับไม่สนใจการเรียกความฟิตให้กับทีมเลย โดยให้สัมภาษณ์เพียงว่า “ผมจะไม่ลงเล่น ถ้าไม่รู้สึกฟิต 100%” แม้กระทั่งกลับมาเรียกความฟิตกับทีมในตอนหลังจนได้นั่งในม้านั่งสำรอง ก็ยังปฎิเสธกับไรจ์การ์ดที่จะลงเล่นเมื่อไรจ์การ์ดเรียกให้ลงอีกด้วย ทำให้ไรจ์การ์ดหัวเสียมากถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า “เขาไม่ต้องการจะลงเล่น ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม” ขนาดเพื่อนรักอย่างโรนัลดินโญ่ยังไม่สบอารมณ์กับเรื่องนี้เท่าไรนัก
และ เหตุการณ์เดิม ๆ ก็เกิดขึ้นอีก เอโต้เจ็บซ้ำกับแมตช์อุ่นเครื่องถ้วยกัมเปอร์ก่อนเปิดฤดูกาล 2007 กับทีมอินเตอร์ มิลาน และเอโต้ก็เจ็บลากยาวกว่ากำหนดเช่นเดิม เหตุการณ์นี้ทำให้ลาร์ปอร์ต้า ประธานบาร์ซ่าเริ่มไม่รับประกันในตัวเอโต้ที่เคยลั่นไว้ว่าจะไม่ขายแน่นอน อีกต่อไป แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้เอโต้แตกหักกับแฟน ๆ บาร์เซโลน่าของแท้อยู่ที่ก่อนแมตช์ ”เอล คลาสิโก้” กับเรอัล มาดริดนัดก่อนจบฤดูกาล เป็นแมตช์ที่บาร์ซ่ายำบาเลนเซียกระจายในบ้านถึง 6-0 แต่แล้วการกระทำที่ไม่เป็นมืออาชีพของเดโก้และเอโต้ทำให้แฟนเบลลากราน่าไม่ ลืมเลือน เมื่อไปเจตนาทำฟาวล์ที่ไม่จำเป็นในเกมส์ที่ขาดแบบนี้เพื่อเรียกใบเหลืองใบ ที่ 5 ให้ตัวเองทำให้ต้องโดนแบนในนัดเอลคลาสิโก้ในนัดถัดไป สำหรับแมตช์กับเรอัลมาดริด แฟนทั้ง 2 ทีมยกชูให้เป็นแมตช์ที่สำคัญที่สุดของทุกฤดูกาลเพราะเสมือนเป็นสงครามของชน ชาติทีเดียว แต่ทั้ง 2 คนกลับแสดงพฤติกรรมไม่อยากลงเล่นในแมตช์เปลืองแรงที่เรอัล มาดริดเป็นว่าที่แชมป์ในปีนั้นไปแล้ว และบาร์ซ่าก็ปราชัยด้วยสกอร์ 4-1 เพราะไม่มีตัวหลักอย่างโรนัลดินโญ่ เดโก้และเอโต้ ซึ่งทั้ง 3 คนไม่มีใครต้องการลงเล่นในแมตช์นี้เลยแม้แต่คนเดียว [โรนัลดินโญ่ก็เจ็บยาวและไม่สนใจเรียกสภาพความฟิต] ทำให้ทุกแมตช์หลังจากนั้น แฟนบาร์ซ่าจะคอยโห่ทั้งเดโก้และเอโต้ทุกครั้งเมื่อได้บอล ทำให้เดโก้ขอย้ายทีมด้วยคำพูดที่ลั่นว่า “ผมไม่สามารถเล่นกับทีมในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกแล้ว” รวมทั้งเอโต้อีกคนก็อยากย้ายเช่นกันแต่ไม่แสดงออกมากไปกว่าบอกว่า ถ้าเกิดย้ายทีมจริง ก็จะไปเพียงแค่อินเตอร์และเชลซี
เมื่อไรจ์การ์ด ได้ไขก๊อกออกจากทีมบาร์ซ่าไป เทรนเนอร์ลูกหม้อนักเตะตำนานบาร์เซโลน่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมต่อ ก็ไม่ปล่อยให้บุคคลที่ทำให้บรรยากาศในทีมแตกแยกต้องอยู่ต่อไป ประกาศขายไม่ลังเลและเลหลังราคาเสียน่าเกลียด ทำให้เดโก้และโรนัลดินโญ่ย้ายทีมไปด้วยราคาแสนถูกจนน่าตกใจ ก็เหลือเพียงเอโต้ที่ยังมีทิฐิที่ไม่ยอมย้ายถ้าไม่มีข้อเสนอค่าเหนื่อยที่ น่าพอใจ อีกทั้งก็ไม่มีทีมที่กล้าสู้ค่าเหนื่อยและนักเตะที่เสมือนลูกระเบิดที่ไม่ การันตีได้ว่าจะระเบิดในทีมเมื่อไร เมื่อสถานการณ์ผ่านไปเรื่อย ๆ ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ใกล้หมดลง กวาร์ดิโอล่าไม่สามารถหานักเตะใหม่แทนเอโต้ และเอโต้ก็ยังไม่ได้ย้ายทำให้ไม่มีเงินพอซื้อนักเตะที่ล้วนแพงเกินจริงอย่าง อเดบาร์ยอร์หรือดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ทำให้กวาร์ดิโอล่าต้องใช้เอโต้ลงเล่นในแมตช์อุ่นเครื่องไปก่อน
เมื่อ เจอเทรนเนอร์อย่างเป๊ป ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ในทีมมาก่อนและบารมีสูงพอที่ไม่สนใจสตาร์หน้าไหน ๆ ในทีม [เขาเป็นตำนานกัปตันบาร์ซ่าและที่รักแฟนบอลตลอดกาล ในถิ่นนี้จะมีใครบารมีใหญ่กว่าเขาอีกละ?] อีกทั้งไม่มีทีมใดกล้าสู้คว้าตัวเอโต้ไปร่วมทีม ทำให้เอโต้ต้องปรับตัวเรียกศรัทธากับเพื่อนร่วมทีม กับโค้ช กับบอร์ดและแฟนบอลอีกครั้งให้ได้ และสิ่งนั้นก็มีแค่ “การยิงประตู” เท่านั้น และเอโต้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซ้อมอย่างทุ่มเท ลงสนามเต็มร้อย ประพฤติตัวอย่างดีงามในกรอบ และที่สำคัญยิงประตูในรอบอุ่นเครื่องมันเกือบทุกนัดเฉลี่ยนัดละ 1-2 ประตู ทำให้เป๊ปที่เคยเรียกอองรีมาถกว่าจะให้ยืนเป็นตัวหลักในทีมของเขา [แทนเอโต้ที่ค้องการโละ] ต้องเปิดใจและให้พื้นที่ตัวจริงแก่เอโต้โดยไร้คำโต้แย้ง
และเอโต้ก็กลับมาอยู่ในใจแฟน ๆ ชาวบาร์เซโลน่าอีกครั้ง เมื่อยิงไป 13 ลูกใน 10 นัดของลาลิก้า [เฉลี่ยนัดละ 1.3 ลูก!!] โดยทำแฮตทริคไป 2 นัดจาก 10 นัด เรียกได้ว่าจะมีสักกี่คนบนโลกทำได้กัน ทำให้แฟน ๆ บาร์ซ่าเป่าปากโล่งเพราะเกือบเสียดาวยิงมฤตยูดำทีมนี้ไปแล้ว ลองคิดว่าราคาแค่ 20 ล้านปอนด์ถ้าขายไปให้ลิเวอร์พูล คงทำประตูเคียงข้างตอเรสกันอย่างเมามันส์ หรือไปแมนเชสเตอร์ ยูไรเต็ดก็เล่นกับโรนัลโด้โชว์ยิงกันสนั่น ไม่ก็อาเซนอลที่สไตล์บอลบนพื้นที่หาจังหวะจบไม่ลงตัวในปีนี้มีเอโต้คอยซัดจบ สกอร์ให้ หรือแม้กระทั่งเชลซีที่จะบวกสกอร์ให้กระจายมากกว่านี้เป็นเท่าตัวไม่ยากแล้ว ก็เป็นเคราะห์ดีของแฟน ๆ ทีมบาร์ซ่าและเป็นที่เสียดายของทีมอื่นอยู่เหมือนกัน และด้วยฟอร์มแบบนี้ของเอโต้ ถ้าไม่เจ็บไปในฤดูกาลนี้ รางวัลรองเท้าทองคำต้องตกเป็นของเขาอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน
จบด้วยสถิติแฮตทริคอันน่าทึ่งของเอ โต้ในปี 2008
24 กุมภาพันธ์ 2008 ในแมตช์กับเลบานเต้ เอโต้ทำแฮตทริคโดยใช้เวลายิงทั้ง 3 ลูกรวดใน 31 นาที
25 ตุลาคม 2008 ในแมตช์กับอัลเมเรีย เอโต้ทำแฮตทริคที่เร็วที่สุดในสโมสรบาร์เซโลน่า 3 ลูกด้วยเวลา 23 นาที
8 พฤศจิกายน 2008 ในแมตช์กับบายาโดลิด เอโต้ยิงไป 4 ลูกในครึ่งแรกนาทีที่ 44 เป็นอีกครั้งที่ทำลายสถิติของสโมสรและก็เป็นแฮตทริคที่ 3 ของปีนี้อีกด้วย
ปล.มีคนสงสัยว่าวัดจากไหนคมไม่คม บทความ ณ ที่นี้วัดจากค่าสัมประสิทธิ์การยิงประตูต่อแมตช์แต่ละลีกใน 5 ปีนี้นะครับ จะเรียงลำดับที่น่าสนใจให้ละกัน
ซามูเอล เอโต้ ยิง 90 ลูกใน 118 แมตช์ เฉลี่ย 0.76
เธียร์รี่ อองรี ยิง 78 ลูกใน 119 แมตช์ เฉลี่ย 0.65
รุด ฟานนิสเตอรอยด์ ยิง 72 ลูกใน 119 แมตช์ เฉลี่ย 0.61
ดาวิด บีญ่า ยิง 84 ลูกใน 146 แมตช์ เฉลี่ย 0.57
ชลาตัน อิบราโมวิท ยิง 61 ลูกใน 128 แมตช์ เฉลี่ย 0.48
เฟอร์นานโด ตอเรส ยิง 56 ลูกใน 151 แมตช์ เฉลี่ย 0.37
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น